| ครั้นถึงเดือนมิถุนายน  ปีฉลู พ.ศ.๒๔๕๖ พระมหาพรหม เปรียญ ๕ ประโยค สำนักวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์  ได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสปกครองพระอารามนี้  ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ที่พระญาณสมโพธิ เมื่อวันที่ ๑๐  พฤศจิกายน ในปีนั้น ในขณะที่ท่านย้ายมาอยู่ใหม่ๆ  ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ทันนที  ปรากฏว่าได้ประสบอุปสรรคในการกระทำอยู่บ้าง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส  จึงเสด็จมาตรวจสภาพของพระอารามนี้และวัดภุมรินราชปักษีกับวัดน้อยทองอยู่  ซึ่งตั้งอยู่ติดต่อกันกับพระอารามนี้เสร็จแล้วทรงรับสั่งให้รวมวัดภุมรินราชปักษี  ซึ่งมีพระภิกษุอาศัยอยู่เพียงรูปเดียวเข้ากับวัดดุสิดารามต่อมา  ทรัพย์สินของวัดภุมรินราชปักษีทั้งหมดจึงตกเป็นสมบัติของพระอารามนี้  โดยพระบัญชาของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ตั้งแต่ครั้งนั้นมา 
 ในสมัยที่พระญาณสมโพธิเป็นเจ้าอาวาสอยู่  ได้สร้างและปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุหลายอย่าง ที่ควรนำมากล่าวไว้ในที่นี้ คือ  รื้อกุฏิด้านหน้า ด้านเหนือ ด้านใต้ ของพระอุโบสถ รื้อศาลาเก๋งด้านหน้าพระอุโบสถ  เพราะทรุดโทรมจนซ่อมแซมไม่ได้ และรื้อ กุฏิ ศาลา กำแพง ของวัดภุมรินราชปักษี  นำสิ่งสัมภาระเหล่านั้นมาปรับปรุง สร้างหอสวดมนต์ ๑ หลัง หอฉัน ๑ หลัง หอระฆัง ๑  หอ กุฏิ ๒ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง ศาลาท่าน้ำ ๑ หลัง  เสริมถนนเก่าให้สูงขึ้นกว่าเดิมทุกสาย และในระยะนี้  สมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ได้โปรดให้พระยาบรมนรินทรามาตย์รื้อบ้านไม้มาถวาย ๑ หลัง  ท่านก็ได้จัดการสร้างเป็นกุฏิใหญ่ ๓ ห้อง ๑ หลัง  พระญาณสมโพธิได้ขอพระบรมราชานุญาตลาสิกขาบท ในปี พ.ศ.๒๔๖๔  รวมเวลาที่พระญาณสมโพธิเป็นเจ้าอาวาสอยู่ประมาณ ๙ ปี
 
 ต่อจากนั้น พระวิเชียรมุนี (ปุญญสุวรณโณ บุญ) เปรียญ  ๔ ประโยค เจ้าอาวาสวัดวิเศษการ (วัดหมื่นรักษ์) อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี  ได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสพระอารามนี้ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นเปรียญ เมื่อเดือนมิถุนายน  พ.ศ.๒๔๖๔ การปกครองในระยะแรกมั่งไปในการจัดตั้งสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม  เพราะในพระอารามนี้ยังไม่เคยมีสำนักศาสนาศึกษามาก่อนเลย  ครั้งแรกท่านได้เป็นครูสอนทั้งธรรมและบาลี มีพระมหาเสงี่ยมซึ่งติดตามมาเป็นผู้ช่วย  ๑ รูป จนกระทั่งถึง พ.ศ.๒๔๖๖ มีพระภิกษุและสามเณรสอบเปรียญได้อีก ๓ รูป  จึงได้ขยายการศึกษาในสำนักนี้ให้เจริญขึ้นโดยลำดับ  มีนักเรียนเรียนบาลีและนักธรรมที่ส่งเข้าสอบในสนามหลวงได้ปีละหลายรูป  แต่มิได้ขออนุญาตต่อทางการคณะสงฆ์จัดตั้งเป็นสำนักเรียนเอง  จัดเพียงเป็นสำนักเรียนสาขาของวัดมหาธาตุ เมื่อการศึกษาเจริญมั่นคงแล้ว  ในระยะหลังได้เริ่มทำการปฏิสังขรณ์และก่อสร้างคู่กันไปกับการศึกษา  ถาวรวัตถุที่พระวิเชียรมุนีได้ก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ที่ควรนำมากล่าวไว้ในที่นี้ คือ  ซ่อมแซมเสนาสนะที่ชำรุดทั่วไป สร้างกุฏิด้วยทุนส่วนตัว ๑ หลัง  ด้วยทุนของท่านผู้มีจิตศรัทธารวมกับทุนส่วนตัว ๑ หลัง ด้วยทุนของวัด
 
 และทุนของผู้บริจาค ๔ หลัง ด้วยทุนของท่านผู้มีศรัทธา  ๒ หลัง และได้รื้อหอไตรของวัดภุมรินราชปักษีมาปลูกไว้ในพระอารามนี้  ข้างด้านเหนือพระอุโบสถ ๑ หลัง  เปลี่ยนแปลงศาลาท่าน้ำที่พระญาณสมโพธิสร้างไว้เป็นเสาไม้พื้นไม้  ทำเป็นเสาและพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กซ่อมแซมหอระฆัง ซุ้มประตูหน้าต่างพระอุโบสถ  ปิดทองพระประธานใหม่ ซ่อมห้องแถวของวัดด้วยเงินผลประโยชน์ของวัดบ้าง  เงินได้จากการบำเพ็ญกุศลบ้าง จากการบริจาคของท่านผู้มีศรัทธาบ้าง นอกจากนี้  ได้จัดการปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปยืนที่พระระเบียง ๑๘ องค์ ด้วยทุนของท่านผู้มีศรัทธาบริจาคให้  พระวิเชียรมุนีได้ลาสิกขาบทเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๖
 
 เมื่อสิ้นสมัยการปกครองของพระวิเชียรมุนีแล้ว  พระประสิทธิวีริยคุณ (ธญญาโภสุง) เปรียญ  ๖  ประโยค (ผู้อยู่ในพระอารามนี้มาตั้งแต่ครั้งเป็นสามเณร)  ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นพระเปรียญอยู่ ได้เป็นผู้ปกครองพระอารามนี้สืบต่อมา ตั้งแต่  พ.ศ.๒๔๗๖ ส่วนในด้านการก่อสร้างปฏิสังขรณ์ได้จัดการสร้างสะพานท่าน้ำ ๑ สะพานยาว  ๖๖.๐๐ เมตร กว้าง ๒.๕๐ เมตร เสา คานใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก ตงพื้นใช้ไม้  สะพานโป๊ะท่าเรือ ๑ สะพาน ซ่อมและเปลี่ยนเสารอบนอกของพระระเบียงรอบพระอุโบสถรื้อนอกชานศาลาการเปรียญและกุฏิสร้างขึ้นใหม่  โดยใช้ทุนที่ได้จากผลประโยชน์ของวัดบ้าง ได้จากการกุศลบ้าง  จากท่านผู้มีศรัทธาบริจาคบ้าง และมีผู้บริจาคสร้างกุฏิถวาย ๑ หลัง
 
 ครั้นถึงคืนวันที่ ๕ มีนาคม  พ.ศ.๒๔๘๘ พระอารามนี้และวัดน้อยทองอยู่ ได้ประสบภัยทางอากาศในสมัยสงคราม ถูกทั้งระเบิดเพลิงและระเบิดทำลายทรัพย์สินของพระอารามเสียหายเกือบหมด  มีสิ่งที่ยังเหลืออยู่ คือ พระอุโบสถพร้อมทั้งพระระเบียง ศาลาคู่หน้าพระอุโบสถ  กุฏิด้านเหนือพระอุโบสถ ๓ หลัง ครัว ๑ หลัง  ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระวิเชียรมุนีปกครอง หอระฆัง ๑ หอ เสาคอนกรีตสะพานท่าน้ำ  แต่ไม่เรียบร้อยชำรุดบ้างเสียหายไปบ้าง ส่วนทรัพย์สินของวัดน้อยทองอยู่  เสียหายหมดทั้งวัด คงเหลือแต่กำแพงพระอุโบสถเท่านั้น 
ในระยะหลัง เมื่อสงครามสงบแล้ว  พระประสิทธิวีริยคุณ  ได้ยื่นหนังสือขอรวมวัดน้อยทองอยู่เข้ากับวัดดุสิดารามต่อทางการคณะสงฆ์ และได้รับอนุมัติจากทางการให้รวมได้  ดังหนังสือเจ้าคณะตำบลต่อไปนี้
 |