หน้าแรก    |    ประวัติความเป็นมา    |    อัลบั๊มภาพ    |    หลักสูตรธรรมศึกษา    |    ภาพกิจกรรม    |    ตารางปฎิบัติธรรม    |    ข้อมูลติดต่อ
 



ประวัติความเป็นมาของนักธรรมและธรรมศึกษา


ความเป็นมา
การศึกษาพระปริยัติธรรมหรือที่เรียกกันว่า “นักธรรม” เกิดขึ้นตามพระดำริของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นการศึกษาพระธรรมวินัยในภาษาไทย* เพื่อให้ภิกษุสามเณรผู้เป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศานาสามารถศึกษาพระธรรมวินัย ได้สะดวกและทั่วถึงอันจะเป็นพื้นฐานนำไปสู่สัมมาปฏิบัติตลอดจนเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้กว้างออกไป

ต่อมาพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงพิจารณาเห็นว่าการศึกษานักธรรมมิได้เป็นประโยชน์ต่อภิกษุสามเณรเท่านั้น แม้ผู้ที่ยังครองสัฆราวาสวิสัยก็จะได้รับประโยชน์จากการศึกษานักธรรมด้วย โดยเฉพาะสำหรับเหล่าข้าราชการครู จึงทรงตั้งหลักสูตรนักธรรมสำหรับฆราวาสขึ้น เรียกว่า “ธรรมศึกษา” มีครบทั้ง ๓ ชั้นคือ ชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ซึ่งมีเนื้อหาเช่นเดียวกันกับหลักสูตรนักธรรมของภิกษุสามเณร เว้นแต่วินัยบัญญัติที่ทรงกำหนดใช้เบญจศีลเบญจธรรมและอุโบสถศีลแทน หลักสูตรธรรมศึกษาได้เปิดสอนและสอนครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ และเปิดสอนครบทุกชั้นในเวลาต่อมา มีฆราวาสทั้งหญิงและชาย เข้าสอบเป็นจำนวนมาก นับเป็นการส่งเสริมการศึกษาพุทธศาสนาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ สนามหลวงแผนกธรรมได้ปรับเนื้อหาหลักสูตรธรรมศึกษาให้น้อยลงทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเหตุการณ์ในปัจจุบัน เพราะผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษาซึ่งมีหลักสูตรที่ต้องเรียนต้องศึกษาในสถาบันศึกษาอยู่แล้วเป็นปกติ การเรียนธรรมศึกษาที่มีเนื้อหาวิชามากเกินไปอาจเป็นภาระที่หนักสำหรับผู้เรียน

------------------------------------------
* การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระสงฆ์ไทยแต่โบราณนิยมศึกษาเป็นภาษาบาลี


สำหรับธรรมศึกษาชั้นโทนี้ เนื้อหาวิชาที่ปรากฎในหนังสือเล่มนี้เป็นเนื้อหาวิชาที่ได้ปรับลดแล้วจากหลักสูตรเดิม

วัตถุประสงค์ของการเรียนธรรมศึกษา

  1. เพื่อให้ผุ้เรียนเกิดศรัทธาและสำนึกในความสำคัญของพระพุทธศาสนา
  2. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และซาบซึ้งในคุณของพระรัตนตรัย
  3. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและหลักธรรมอย่างถูกต้อง
  4. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการคิดและการฏิบัติตนอย่างถูกต้องตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลักสูตรธรรมศึกษาที่ใช้ในปัจจุบัน มีขอบข่ายการเรียนการสอนดังนี้
วิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม
หลักสูตร ใช้หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต เล่ม ๓ มี๕ หมวด คือ
  • อัปปมาทวรรค คือ หมวดไม่ประมาท
  • จิตวรรค คือ หมวดจิต
  • ธัมมวรรค คือ หมวดธรรม
  • วิริยวรรค คือ หมวดความเพียร
  • สามัคคีวรรค คือ หมวดสามัคคี

  • วิชาธรรมวิจารณ์
    หลักสูตร ใช้หนังสือธรรมวิจารณ์

    ส่วนปรมัตถปฏิปทา

    นิพพิทา
    ปฏิปทาแห่งนิพพิทา
    สังขาร
    อนิจจลักขณะ
    ทุกขลักขณะ
    อนัตตลักขณะ
    วิราคะ
    ไวพจน์แห่งวิราคะ

    วิมุตติ
    วิมุตติ ๒
    วิมุตติ ๕
    วิสุทธิ
    วิปัสสนาญาณ ๙
    วิสุทธิ อีกบรรยาย
    หนึ่ง
    วิสุทธิ ๗
    สันติ
    ปฏิปทาแห่งสันติ
    นิพพาน
    มติแห่งลัทธิภายนอก
    มติข้างพระพุทธศาสนา
    นิพพานธาตุ ๒
    บาลีแสดงปฏิปทาแห่งนิพพาน
    บาลีแสดงอนุปาทิเสสนิพพาน
    บาลีแสดงนิพพานทั้ง๒ บรรยาย
    บาลีใช้ ปรินิพพาน หมานอนุปาทิเสส
    บาลีใช้ ปรินิพพุต แทนปรินิพพาน
    มติปรารภพระพุทธเจ้าหลายพระองค์
    ปฏิปทาแห่งนิพพาน


    หนังสือสมถกรรมฐาน
    หัวใจสมถกัมมัฏฐาน
    กายคตาสติ
    เมตตา
    พุทธานุสสติ
    กสิณ
    จตุธาตุววัตถานะ
    สมถภาวนา
    พระพุทธคุณ

    หนังสือธรรมสมบัติ
    หมวดที่ ๑๐ วิปัสสนากัมมัฏฐาน

    วิชาพุทธานุพุทธประวัติ
    หลักสูตร ใช้หนังสือพระพุทธประวัติ เล่ม ๑-๒-๓ ปฐมสมโพธิ
    พระนิพนธ์ สมเด็จพระสังฆราช (ปุสฺสเทวมหาเถร) พุทธานุพุทธประวัติ
    อนุพุทธประวัติ พระปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส

    วิชาวินัย (กรรมบถ)
    หลักสูตร ใช้หนังสือหลักสูตรกรรมบถ
    ของพระศรีรัตนโมลี (ชัยวัฒน์ปญฺญาสิริ)

    วิธีตรวจในสนามหลวง
    การตรวจประโยคธรรมสนามหลวงและธรรมศึกษาของสนามหลวงความประสงค์เพื่อทราบความรู้ของนักเรียนตามความเป็นจริงเป็นทางให้ผู้ศึกษาเจริญในวิทยานุคุณและจริยสมบัติสืบอายุพระพุทธศาสนา และเป็นพุทธศานานิกชนที่ดีต่อไป

    ข้อสอบของธรรมศึกษาทุกชั้น เว้นเรียงความแก้กระทู้ธรรม ปัญหาที่ออกสอบเป็นแบบปรนัย คือ เลือกคำตอบที่บอกมาแล้วในแต่ละข้อ แต่ต้องเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดในแต่ละข้อซึ่งมีที่ถูกที่สุดเพียงข้อละคำตอบเดียว นักเรียนจะต้องเลือกตอบข้อที่ถูกเท่านั้น เลือกตอบผิดเป็นไม่ได้คะแนน เป็นการถามทั้งความรู้ ความเข้าใจ  ความจำ และความคิดไปในตัวด้วย

    เฉพาะใบตอบของธรรมศึกษาทุกชั้นเว้นกระทู้ ข้อสอบแต่ละวิชามี ๕๐ ข้อ ๆ ละ ๒ คะแนน ให้ตรวจไปตามใบเฉลยฉบับที่เฉลยไว้ให้ ตรวจแต่ละฉบับแล้วให้นับข้อรวม
    ในกรณีที่นักเรียนธรรมศึกษากากบาทลงในช่องคำตอบในข้อเดียวกันหลายคำตอบ ถือว่าข้อนั้น ๆ เป็นผิด ไม่ได้คะแนน หากมีรอย ขูด ลบ ขีด ฆ่าไว้แต่พอเป็นหลักฐานให้ทราบว่านักเรียนตกลงใจคำตอบในข้อไหนได้ก็ให้ตรวจไปตามนั้น

    เกณฑ์การตัดสิน สอบได้ – สอบตก
    การให้คะแนนธรรมศึกษาทุกชั้น มีหลักเกณฑ์ดังนี้
    ๑.๑ ธรรมศึกษาทุกชั้น ให้ถือ ๔๐๐ คะแนนเป็นเกณฑ์ วิชาทุกวิชาคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน เมื่อรวมคะแนนของทั้ง ๔ วิชาแล้วต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ คะแนน ถือว่าสอบได้ ต่ำกว่า ๒๐๐ คะแนน ถือว่าสอบตก

    ๑.๒ ธรรมศึกษาทุกชั้น เมื่อตรวจดูคะแนนของแต่ละวิชาที่ได้แล้ว หากมีวิชาใดวิชาหนึ่ง ได้คะแนนต่ำกว่า ๒๕ คะแนน แม้จะรวมครบทุกวิชาแล้วได้เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดก็ตาม ให้ถือว่าครั้งนี้เป็นการสอบตกด้วย

    ๑.๓ ธรรมศึกษาทุกชั้น ต้องสอบทั้ง ๔ วิชา ถ้าขาดสอบวิชาใดวิชาหนึ่ง สนามหลวงแผนกธรรมไม่รับพิจารณา ให้อยู่ในเกณฑ์สอบตก

    ๑.๔ วิชาที่สอบต้องได้คะแนนทุกวิชา จึงจะยอมรับรวมคะแนนได้ หากเกิดวิชาใดวิชาหนึ่งไม่ได้คะแนนแม้แต่คะแนนเดียว หรือได้ต่ำกว่า ๒๕ คะแนน ก็ห้ามรวมคะแนน ปรับเป็นตก แม้รวมทุกวิชาแล้ว จะได้คะแนนสูงถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็ตาม
    วิธีการศึกษา
    1. ศึกษาเนื้อหาไปตามลำดับ  และทำแบบทดสอบในแต่ละตอน เสร็จแล้วตรวจคำตอบจากเฉลยท้ายบทเรียน
    2. ฟังการบรรยาย – สอบถาม พระอาจารย์ หรือท่านผู้รู้
    3. ค้นคว้าเพิ่มเติมจากหนังสือที่เกี่ยวข้อง
    การประเมินผล
    • ทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน
    • เข้าฟังบรรยายในชั้นเรียน (กรณีที่มีการเรียนการสอน)
    • สังเกตจากพฤติกรรม ตลอดจนทัศนคติของผู้เรียน
    • เข้าสอบธรรมสนามหลวง
    • ผู้เรียนนำหลักธรรมคำสอนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
     






     

     
     
     
     
    สงวนลิขสิทธิ์ 2552 ติดต่อผู้ดูแลเวบไซด์